Wallpaper

30/12/55

"จะวางใจอย่างไรเมื่อแฟนแสนเจ้าชู้"

มีคุณผู้หญิงหลายท่านเจอปัญหาเรื่องแฟนเจ้าชู้มาก แต่ใจยังรักและผูกพัน
ขนาดมีเรื่องมีราวจนต้องเลิกรากันไป ครั้นได้กลับมาใกล้ชิดกันใหม่ ใจก็อ่อน
แต่ใจนึงก็กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย อีกใจก็คิดว่าชะรอยจะมีหนี้กรรมกันมา
อย่ากระนั้นเลย กลับไปคบต่อเพื่อใช้กรรมให้หมดๆไปดีกว่า


คนจำนวนมากมักจะคิดว่า กฎแห่งกรรมเป็นเรื่องแบบตัวต่อตัว
ทำนองว่า ถ้า A หลอก B ชาติหน้า B จะต้องมาหลอก A คืน

แต่ในความจริงที่ผมได้ฟังมา มันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปนะครับ
คือถ้า A หลอก B ผลแห่งกรรมจะทำให้ A ต้องเสียใจเท่ากับที่ B เคยเสียใจ
แต่อาจจะไม่ใช่ในรูปของการโดนหลอกสถานเดียว
และไม่จำเป็นต้องเป็นการเอาคืนโดย B อาจจะเป็น C หรือใครก็ได้
ที่บังเอิญมีตารางการจองเวรมาสมพงศ์กันในตอนนั้น


ฉะนั้น เรื่องที่จะคิดว่าจะกลับไปคบเพื่อใช้กรรมคืนให้คนนี้ เลิกคิดไปได้เลย
อีกอย่างหนึ่ง... กรรมมีสองส่วน ส่วนที่เป็นปัจจุบันกับส่วนที่เป็นกรรมในอดีต

ผลของกรรมจากอดีตมันแล้วไปแล้ว เราจำได้บ้างไม่ได้บ้างช่างมันเถอะ
แต่สำคัญกว่า คือกรรมในปัจจุบัน เราเลือกจะทำอย่างไร

การเลือกทำในสิ่งที่ดีที่ประเสริฐ คือกรรมปัจจุบันนะครับ
เช่นการทำบุญ ถือศีล ภาวนา เจริญสติไว้ นี่ก็กรรมปัจจุบัน

การจะเลือกว่าจะวางใจอย่างไรในเรื่องของเขา ก็กรรมปัจจุบัน
จะกลับไปคบกับเขาไหม นี่ก็กรรมปัจจุบัน

เขาแอบไปมีคนอื่น เราจะทำอย่างไร นี่ก็กรรมปัจจุบัน
ไม่ใช่เรื่องกรรมเก่าอะไรหรอก อย่ามองเรื่องกรรมเป็น one way ขนาดนั้น

แต่อย่าลืมว่า หลักของการเลือกคู่ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ คือ
ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ควรจะเสมอกัน


คนรักเดียวใจเดียว อยู่กับคนหลายใจลำบากนะ
เพราะศีลข้อ ๓ มันไม่เสมอกัน

ไม่ได้บอกว่า ทุกท่านควรจะทำอย่างไรนะครับ
ชีวิตเป็นของท่านเอง ใช้สติดีๆ อย่ารักพี่เสียดายน้อง

ถ้าคิดว่ารักเขาจริง อยากเป็นอีเย็นในละครนางทาส
โดนสามีโบย โดนกดขี่ มีเมียหลายคน ก็ยังทนได้ ก็เอาเถอะครับ
ก็หลับหูหลับตาไว้ อย่าคิดมากอย่าระแวง

เพราะไม่ต้องระแวงหรอก เรารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเขาเป็นแบบนั้น
อีหรอบนี้ ใครก็ว่าอะไรเราไม่ได้

มีคำพูดอันนึง ผมชอบมาก ครูบาอาจารย์ผมท่านเคยพูดว่า
คนจะแต่งงานกัน มักจะทำผิดกันคนละเรื่อง

ผู้หญิงมักจะคิดว่าแต่งงานไปแล้ว ผู้ชายจะเปลี่ยน หรือเธอจะเปลี่ยนเขาได้
ผู้ชายมักจะคิดว่าแต่งงานไปแล้วผู้หญิงจะไม่เปลี่ยน

ครั้นพอแต่งไปแล้ว ผู้ชายจึงค้นพบว่า ผู้หญิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งนิสัย สรีระ รูปลักษณ์ เพื่อนผมมันเคยใช้คำว่า ต่อมน่าเบื่อแตก

ส่วนผู้หญิงก็จะพบว่า ผู้ชายไม่เคยเปลี่ยนเลยเฮงซวยยังไง ก็ยังเฮงซวยอย่างนั้น เจ้าชู้ยังไง ก็ยังเจ้าชู้อย่างนั้น
ขี้เหล้ายังไง ก็ยังขี้เหล้า อย่างนั้น ฯลฯ

เพราะฉะนั้น ถ้าจะคบจะแต่งอย่างไรก็แล้วแต่ ทำใจไว้เป็นพื้นฐานนะครับว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง จะได้ไม่คาดหวัง และไม่เสียใจ

ส่วนตัวเราเอง แทนที่จะไปคาดหวังความสุขจากคนอื่น
แทนที่จะไปนั่งเล่นโปลิศไล่จับขโมย แมวไล่จับหนู

เอาเวลามาเรียนรู้ กายใจของตัวเองดีกว่าไหมครับ
ผมมีลิงค์ชวนพวกเราไปฟังเทศน์ฟังธรรมที่ดี มีประโยชน์
ปฏิบัติง่าย ได้ผลจริงกับชีวิต ลองคิดแล้วตัดสินใจเองนะครับ

จะเป็นคนวิ่งไล่หาความสุข ที่เป็นแค่ภาพลวงตาไปวันๆ
เหมือนคนวิ่งไล่จับเงาตัวเอง เหมือนเห็น แต่ไม่เคยจับได้จริง

หรือจะเดินไปสู่ความสุขเพราะพ้นทุกข์ได้ถาวร เลือกเอาเถอะ

นี่ก็กรรมปัจจุบันล่ะครับ






19/12/55

"บทความ ผู้ชายรัก…ไม่รัก ดูได้จากตรงไหน"

  • เริ่มต้นขอนัดเดต การที่ผู้ชายขอเดต อย่าพึ่งด่วนสรุปว่าเขาชอบคุณเข้าอย่างจังแล้ว แต่การนัดครั้งต่อไปของเขาต่างหาก ที่เป็นคำตอบว่า เขาอยากรู้จักและใช้ชีวิตอยู่กับคุณมากขึ้น ดังนั้นหากคุณออกเดตกับเขาครั้งแรก และเขาเอ่ยปากนัดคุณอีกครั้ง คำว่า รัก คงอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ
  • รสชาติและวิธีการจูบของเขา เมื่อตกลงปลงใจยอมรักชายสักคน การสังเกตวิธีการจูบของเขาว่ามีความโรแมนติกที่มาพร้อมกับคำว่าเซ็กซ์ด้วย ไหม ถ้าเขาสักแต่จูบคุณเพื่อปลุกอารมณ์ความไคร่ โดยหาความรักและโรแมนติกไม่มีเลยนั้น เขาคิดกับคุณเป็นเพียงคู่นอนแล้วล่ะ
  • ความใส่ใจ หนุ่มที่คุณคิดว่าเขารักจะใส่ใจคุณมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะการที่เขาจำรายละเอียดในเรื่องที่คุณบอกไปทุกเรื่อง อย่างเช่นปัญหาในการทำงานของคุณวันนี้ แล้วเขายังถามถึงปัญหาเหล่านี้จากคุณในอีกวันรุ่งขึ้น
  • ความรู้สึกปลอดภัยที่เขาหยิบยื่นให้คุณ อะไรจะสร้างความมั่นใจให้กับคุณสาวๆ เท่ากับการสร้างความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ๆ เขา อีกทั้งการที่เขาไม่ปล่อยให้คุณโดดเดี่ยว ด้วยการผิดนัด มาช้า หรือ ไม่ติดต่อหาคุณเลยจนคุณต้องโทรเช็ค เรียกได้เลยว่า เขาเริ่มห่วงใยและสนใจคุณ
  • ความโรแมนติกที่มีให้กับคุณ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการโทรหรืออีเมลล์มาบอกคุณ ถึงความประทับใจในการออกเดตกับคุณแต่ละครั้ง ก็เป็นสิ่งที่คุณควรรับรู้ว่า เขารักคุณเข้าแล้ว
  • ปิดเผยชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และเพื่อนฝูง การที่เขายอมเล่าเรื่องชีวิตการทำงาน การใช้ชีวิต พาคุณไปแนะนำให้เพื่อนๆ ในก๊วนของเขาให้รู้จัก และสุดท้ายถ้าเขาพาไปพบพ่อแม่ของเขา ก็หมายความว่า เขารักคุณหมดทั้งใจแล้ว
  • เขากล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคุณ แม้หลายคนจะปฏิเสธว่าการเปลี่ยนแปลงเพื่อคนรักเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง ยั่งยืน แต่การที่เขากล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างการแต่งตัว เปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ ก็โปรดยืนยันกับตัวเองไว้ได้เลยว่า คุณทำให้ชายหนุ่มคนนี้ยอมรับและรักผู้หญิงอย่างคุณแล้ว
  • พูดเลยว่า “รัก” …บอกไปเลยว่า รักมากมาย หรือจะเป็น รักนะตัวเอง หรือ รักนะเด็กโง่ ก็ได้ไม่ว่ากัน เพราะเป็นคำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ได้ใจความและตรงประเด็น วิธีบอกรัก แบบนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เคยปากหนัก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่เค้ยไม่เคยจะหวานใส่คุณแฟนเลยสักครั้ง ลองหาสถานที่โรแมนติก แล้วบอกรักเบา ๆ กระซิบข้างหูกันดูบ้าง หรือถ้าระดับความกล้ามีมาก (เกินปกติ) ลองตะโกนบอกรักแฟนคุณดัง ๆ ต่อหน้าคนอื่นดูบ้างไหมล่ะ แม้จะทำเขาอายหน้าแดง แต่ที่ลงทุนลงแรงไปน่ะ ได้ใจชัวร์ ๆ
  • ของขวัญสื่อรัก ดอกไม้ ตุ๊กตา และอื่น ๆ ที่เขาชอบหรือกำลังอยากได้ เป็นพร๊อพบอกรักที่ให้เมื่อไหร่ คนรับเป็นต้องยิ้มแก้มปริ แถมไม่ต้องพูดว่ารักตรง ๆ ก็รู้ว่าคุณรักเขามากแค่ไหน เพราะการให้ของขวัญเป็น วิธีบอกรัก ที่เปรียบเหมือนการใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอีกฝ่าย ถ้าให้ดีวางแผนเซอร์ไพร์สโดยไม่ให้เขารู้ล่วงหน้าด้วยนะ เช่น แกล้งให้เขาไปหยิบของชิ้นนั้นเอง หรือแอบวางไว้ในรถ กระเป๋า หรือที่อื่น ๆ ที่เขาจะต้องเห็นมันแน่ ๆ เป็นต้น
  • SMS บอกรัก ถ้าใจไม่กล้าพอจะพูด sms ก็เป็นตัวช่วยส่งสารความรักที่ได้รับความนิยมไม่น้อย แต่ถ้าอยากให้เก๋ไก๋ อาจต้องมีชั้นเชิงกันสักหน่อย เช่น พิมพ์ข้อความบอกรักไว้ก่อนล่วงหน้า (เอาแบบว่าพร้อมส่ง) และในวันสำคัญ ให้บอกคนรักของคุณว่ามีเรื่องจะพูดด้วย พร้อมทั้งทำหน้าและน้ำเสียงแบบจริงจัง แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นแอ็คติ้งเนียน ๆ หน่อยนะ และเมื่อเขาอยากรู้ ในขณะที่เราก็กำลังจะเอ่ยปากบอก ให้กดส่ง sms ออกไปในทันใด ซึ่งดูเหมือนจะทำให้เสียบรรยากาศ แต่เมื่อเขาได้อ่าน sms หวาน ๆ จากคุณแล้ว รับรองหัวใจหล่นดังตุ๊บแน่นอน
  • บริการบอกรัก เดี๋ยวนี้อะไรก็ไฮเทค ถ้าจะเซอร์ไพร์สด้วย วิธีบอกรัก แบบเด็ดสะระตี่โดนใจโดยไม่ต้องลงมือทำเอง ก็ลองหาบริการบอกรักดูเป็นไงล่ะ ลองเสิร์จหาได้ทางอินเทอร์เน็ต มีเยอะแยะที่บริการทุกระดับประทับใจ
  • เพลงซึ้งบอกรัก ใครที่ชอบร้องคาราโอเกะเป็นทุนเดิม วิธีบอกรัก แบบนี้ก็เหมาะเหม็ง การที่คุณชวนคนรักไปดินเนอร์ในร้านอาหารที่มีดนตรีสด คุณอาจเตี๊ยมกับทางร้านไว้ว่าขอคิวขึ้นร้องเพลงสักเพลง และเมื่อเวลาเป็นใจก็โดดขึ้นไปร้องเพลงรักซึ้ง ๆ หรือเพลงที่คนพิเศษของคุณชอบ แต่อย่าลืมบอกผ่านไมโครโฟนไปด้วยว่าเพลงนี้สำหรับหวานใจของคุณเท่านั้น (โอ้…หวานซ้าาา)
  • โน้ตบอกรัก ทำได้โดยหยิบกระดาษโน้ตขนาดพอน่ารักมาเขียนคำบอกรักหวาน ๆ ชวนจั๊กกะจี้หัวใจ แปะไว้ในทุก ๆ ที่ที่เขาจะสามารถมองเห็นได้ แนะนำว่าเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดี รับรองว่าคนรักของคุณต้องยิ้มไม่หุบแน่ ๆ เลย
  • บอกรักผ่านดีเจ ถ้าคุณคือผู้ที่กดโทรศัพท์ได้ไวพอล่ะ ก็ การขอเพลงบอกรักผ่านคุณพี่ดีเจ ก็เป็น วิธีบอกรัก ที่โรแมนติกไม่เบาเลย แต่ต้องแน่ใจว่าเขาคนนั้นก็กำลังฟังเพลงคลื่นเดียวกับคุณอยู่ และนอกจากจะขอเพลงเป็นตัวแทนบอกรักแล้ว อย่าลืมที่จะฝากข้อความหวาน ๆ ถึงเขาด้วยล่ะ (ไหน ๆ ก็อุตส่าห์โทรติดอ่ะนะ)
  • จดหมายรัก Love Letter นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้เขียนจดหมายส่งทางไปรษณีย์ งั้น… ลองหยิบกระดาษปากกามาถ่ายทอดความในใจของคุณไปถึงคนที่รักก่อนถึงวันสำคัญ ก็โรแมนติกไปอีกแบบนะ(ว่าไหม)
วาเลนไทน์ปีนี้ ลองหยิบมาใช้ อย่างน้อย สักแบบนะคะ ^-^




7/10/55

"ปล่อย (ใยไหม)"


 หากการเดินทางของความรักมีเพียง 2 ทางให้เลือกเดิน คือเดินไปให้ถึงปลายทาง และเดินถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้น เราจะเลือกเดินทางไหน เป็นใครก็ต้องอยากไปให้ถึงปลายทางแห่งความสุข แต่เราต้องยอมรับความจริงของชีวิตว่า...สุดท้ายแล้ว ตรงปลายทางย่อมมีคนที่พบกับความสุขสมหวัง และมีคนที่เศร้าเสียใจกับความรักเป็นธรรมดา

          มีคนกล่าวว่า...ความรักไม่ใช่เกม ความรักคือความรัก คือเรื่องบริสุทธิ์ของคนสองคน

          แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อใดที่เรามีความรัก เราก็เหมือนหลงเข้าไปเล่นเกมโดยไม่รู้ตัว เพราะนี่คือกลไกทางธรรมชาติที่ใครก็ปฎิเสธไม่ได้ หากพิสูจน์ใจเขาด้วยบททดสอบอะไรบางอย่าง นั่นคือเกมหนึ่งที่เรากำลังเป็นฝ่ายเดินเกม และเป็นฝ่ายนำแต้ม แต่หากวันใดวันหนึ่งเกิดแพ้ใจเขาขึ้นมา เราไม่รู้หรอกว่ากำลังจะเสียแต้มให้เขา อาจจะเสียแต้มเพราะความดี ความเอาใจใส่ และความรักที่เขาหยิบยื่นให้

          อย่างไรเสีย ความรักก็คือเกมอยู่วันยังค่ำ วันใดวันหนึ่งหากเขาเกิดอยากล้มกระดานเกมความรักขึ้นมา และเดินจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ถามว่าเสียใจไหม แน่นอน..เป็นใครก็ต้องเสียใจ เสียเวลา และเสียความรู้สึก จนเกิดคำถามมากมายตามมา

         "ทำไมเขาถึงต้องทำกับเราอย่างนี้"
          "ทำไมเขาถึงต้องเดินจากไปทั้ง ๆ ที่เรารักเขามาก"
          "ทำไมเขาถึงรักตัวเองได้มากมายขนาดนี้"


          และคำถามเหล่านี้ก็มีคำตอบรอเราอยู่แล้ว "เพราะเกมความรักของเราเริ่มไม่สนุกสำหรับเขายังไงล่ะ"

          เราอาจเป็นฝ่ายเดินนำเกมมากเกินไป จนทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นฝ่ายตามอยู่ตลอเวลา เขาอาจเบื่อหน่ายความรักที่กลายเป็นสิ่งเดิม ๆ จนอยากโละทิ้ง และอยากเข้าไปเล่นเกมใหม่ ๆ กับใครคนใหม่ เราต้องยอมรับความจริงว่า มนุษย์ย่อมมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ มีทั้งเบื่อ มีทั้งอยาก และถ้าหากเรายอมรับความจริงข้อนี้ได้ เราก็จะรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเราเลย แม้แต่นิดเดียว

          เขาเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความมั่นคงทางจิตใจมากพอ เขาเป็นเพียงเด็กที่อยากเล่นเกมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเขาก็เป็นเพียงคนที่เราควรปล่อยให้ไปเล่นเกมใหม่ได้เลยทันที ที่เขาอยากจะไป

          คนทุกคนมักทำอะไรอย่างมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล หากเขาเดินจากไปอย่างไม่มีเหตุผล ก็ไม่ได้หมายความว่าเราน่าเบื่อเกินไปสำหรับเขา หรือเขาเลวเกินไปสำหรับเรา คนสองคนไม่ได้เกิดมาเผื่อเป็นคู่กันต่างหาก ต่อให้ทุ่มเทความรักให้เขามากมายเพียงใด คนสองคนก็ไม่ใช่คู่กันอยู่ดี

         และหากเขาเดินจากไปอย่างมีเหตุผล นั่นอาจเป็นเพราะเขาต้องทำเพื่ออะไรสักอย่าง ไม่ใช่อะไรเพื่อเรา ก็คงเป็นเพื่อตัวเขา เหตุผลมันมีได้หลายร้อยพันประการ แต่ "เขาไม่รัก" ก็น่าจะเป็นผลเหตุเดียว ที่ครอบคลุมความหมายทั้งหมดของคำว่า "เดินจากไป" และคนที่ต้องมีความหนักแน่น ในการยอมรับเหตุผลนั้นมากที่สุดก็คือตัวเราเอง

          อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า คนเรามีทางเลือกให้เลือกเดินอยู่ 2 ทาง ถ้าไม่เดินไปให้ถึงปลายทาง ก็ต้องเดินหันกลับไปยังจุดเริ่มต้น หากรักครั้งนี้เป็นเขาที่เลือกหันหลังเดินจากไป และเราก็มี 2 ทางให้เลือกเดินเช่นเดียวกันคือ กันหลังกลับไปหาเขา แม้ว่าเราทำได้ แต่เราจะเจ็บปวดมากที่สุด ทุกข์ทรมานใจมากที่สุด

         หรืออีกทางหนึ่งก็คือ เดินหน้าต่อไปเพียงลำพัง แม้จะเจ็บปวด แต่เชื่อแน่ว่าความเจ็บปวดนั้น จะฝังกายฝังใจไว้ที่เราเพียงไม่นาน เพราะความเข้มแข็งจะค่อย ๆ สะสมตัว เพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน แล้วในที่สุดเราก็จะเอาชนะความเจ็บปวด และเอาชนะใจตัวเองได้ 

          จำไว้เลยว่า เมื่อเขามีสิทธิ์เลือกทางเดินของชีวิต เราก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของชีวิตได้เช่นเดียวกัน ในเมื่อเขาไม่ยอมรับทางเดินที่จะใช้ร่วมกันกับเรา ก็ปล่อยให้เขาไปตามทางของเขาเถอะ ปล่อยคนไม่รักดีให้เดินจากไป ดีกว่าปล่อยให้ใจเราเดินหลงทาง และหาทางออกไม่เจอ




อากาศเย็นกำลังดี และ ลมก็พัดไม่ค่อยแรงเท่าไร แต่ถึงกระนั้นเอง ดอกปีบก็ยังคงล่วงหล่นไม่หยุดหย่อน

ฉันเดินผ่านลมเย็น พื้นหญ้าสีเขียว ปลายของมันอมความชื้นน้อยๆ เป็นเม็ดน้ำเล็กๆ ในร่มเงาไหวของต้นปีบ ลมพัดหนึ่งที

เงาของกิ่งไม้ก็เคลื่อนที่ไปมา น่ารักเหมือนเด็กส่ายหัว แต่ นั่นไม่ใช่เพราะว่ามันงงงวย แต่อาจเพราะรับฟังสุ้มเสียงเรียงร้องจากธรรมชาติจนรู้สึกบันเทิงใจ

ผิวน้ำตีลอนกระเซ้าแซะตามชายฝั่งดัง จ๋อมแจ๋ม แมกไม้เบียดสีข้างกันไปมาดังเอียดอาด ใบไม้น้อยใหญ่ ใบเรียวยาวหรือเป็นเม็ดละเอียดยิบ 

พรมเสียงดังซี ๆ เหมือนเด็กทารกระดมปรมมือโดยพร้อมเพรียง

เสียงของธรรมชาติสะอาด และกลิ่นดอกปีบก็หอมชื่นใจ ฉันเลยเก็บไว้หลายดอก ร้อยรัดมัดไว้เป็นช่อ กลิ่นที่หอมจางก็พลันชัดขึ้น 

ฉันเดินถือช่อดอกปีบไปตามทาง กลิ่นของมันก็ยังหอมไม่หยุดหย่อน

บางครั้งก็พักนอนไปกับเปลือกไม้ มันดูแห้งแล้งเพราะมันไม่มีความสดภายในแล้ว มันเป็นเปลือกไม้แห้ง ที่มีเพียงความชื่นห่มไว้รอบด้าน 

ใช้มือจับเบาๆเนื้อก็เปือยติดนิ้วมา เมื่อโดนแดดเผานานเข้าก็เริ่มแตกแยกจากกัน ชื้นมากไปก็เปือยป่น แห้งร้อนเกินไปก็แตกระแหง

ช่อดอกปีบก็เริ่มช้ำแล้วเหมือนกัน กลิ่นของมันแม้จะหอม แต่กลีบของมันก็ช้ำเหลือเกิน ฉันไม่น่าจับมันมัดไว้รวมกันเลย มันคงอึดอัดเต็มที

ฉันคิดดังนั้นจึงแก้มัดเจ้าดอกปีบออกจากกัน เดินไปตามทางเดินสีเขียวชื้น และวางดอกปีบทีละดอก ที่ละดอกตามพื้น ตามหิน ตามกิ่งไม้

ดอกปีบหอมกระจายไปทั่ว แม้มันจะหอมเพียงจางเบา แต่มันก็สามารถส่งความหอมไปได้ไกลเท่าที่ลมจะพัดพาไป

จริงหรือไม่ว่า ความหอมมิใช่จำเป็นต้องหอมให้มากมาย แต่ความหอมที่ขจรไกลแสนไกล ยังเป็นสิ่งที่ควรเดินทางไปเรื่อย ๆ

เพื่อให้ใครหลายคนได้ชื่นใจ  เพื่อไปทำหน้าที่อันเบาบาง  รวมรัดไว้แน่นเกินไปอาจเจ็บช้ำ และความหอมก็ไปไม่ถึงไหน

ดอกปีบถูกวางไว้ทีละดอก ความหอมค่อยๆ จางลงที่ละน้อย

ฉันเดินผ่านไปในความเขียวชื้น และ หอมเจือจาง

ใครจะรู้ได้เล่า ว่า หอมดอกไม้และสายลมอาจเป็นคนรักกัน : )


2/10/55

"คุณค่าแห่งลมพัดหวน"

อากาศเย็นกำลังดี และ ลมก็พัดไม่ค่อยแรงเท่าไร แต่ถึงกระนั้นเอง ดอกปีบก็ยังคงล่วงหล่นไม่หยุดหย่อน
ฉันเดินผ่านลมเย็น พื้นหญ้าสีเขียว ปลายของมันอมความชื้นน้อยๆ เป็นเม็ดน้ำเล็กๆ ในร่มเงาไหวของต้นปีบ ลมพัดหนึ่งที
เงาของกิ่งไม้ก็เคลื่อนที่ไปมา น่ารักเหมือนเด็กส่ายหัว แต่ นั่นไม่ใช่เพราะว่ามันงงงวย แต่อาจเพราะรับฟังสุ้มเสียงเรียงร้องจากธรรมชาติจนรู้สึกบันเทิงใจ

ผิวน้ำตีลอนกระเซ้าแซะตามชายฝั่งดัง จ๋อมแจ๋ม แมกไม้เบียดสีข้างกันไปมาดังเอียดอาด ใบไม้น้อยใหญ่ ใบเรียวยาวหรือเป็นเม็ดละเอียดยิบ
พรมเสียงดังซี ๆ เหมือนเด็กทารกระดมปรมมือโดยพร้อมเพรียง

เสียงของธรรมชาติสะอาด และกลิ่นดอกปีบก็หอมชื่นใจ ฉันเลยเก็บไว้หลายดอก ร้อยรัดมัดไว้เป็นช่อ กลิ่นที่หอมจางก็พลันชัดขึ้น
ฉันเดินถือช่อดอกปีบไปตามทาง กลิ่นของมันก็ยังหอมไม่หยุดหย่อน

บางครั้งก็พักนอนไปกับเปลือกไม้ มันดูแห้งแล้งเพราะมันไม่มีความสดภายในแล้ว มันเป็นเปลือกไม้แห้ง ที่มีเพียงความชื่นห่มไว้รอบด้าน
ใช้มือจับเบาๆเนื้อก็เปือยติดนิ้วมา เมื่อโดนแดดเผานานเข้าก็เริ่มแตกแยกจากกัน ชื้นมากไปก็เปือยป่น แห้งร้อนเกินไปก็แตกระแหง

ช่อดอกปีบก็เริ่มช้ำแล้วเหมือนกัน กลิ่นของมันแม้จะหอม แต่กลีบของมันก็ช้ำเหลือเกิน ฉันไม่น่าจับมันมัดไว้รวมกันเลย มันคงอึดอัดเต็มที

ฉันคิดดังนั้นจึงแก้มัดเจ้าดอกปีบออกจากกัน เดินไปตามทางเดินสีเขียวชื้น และวางดอกปีบทีละดอก ที่ละดอกตามพื้น ตามหิน ตามกิ่งไม้
 ดอกปีบหอมกระจายไปทั่ว แม้มันจะหอมเพียงจางเบา แต่มันก็สามารถส่งความหอมไปได้ไกลเท่าที่ลมจะพัดพาไป

จริงหรือไม่ว่า ความหอมมิใช่จำเป็นต้องหอมให้มากมาย แต่ความหอมที่ขจรไกลแสนไกล ยังเป็นสิ่งที่ควรเดินทางไปเรื่อย ๆ

เพื่อให้ใครหลายคนได้ชื่นใจ  เพื่อไปทำหน้าที่อันเบาบาง  รวมรัดไว้แน่นเกินไปอาจเจ็บช้ำ และความหอมก็ไปไม่ถึงไหน

ดอกปีบถูกวางไว้ทีละดอก ความหอมค่อยๆ จางลงที่ละน้อย

ฉันเดินผ่านไปในความเขียวชื้น และ หอมเจือจาง

ใครจะรู้ได้เล่า ว่า หอมดอกไม้และสายลมอาจเป็นคนรักกัน : )



ความผูกพัน..ในรัก..ของ..คนสองคน
ทำให้เราลืม..บางสิ่ง..บางอย่าง..
กับ..บางคน..ได้ยาก
ซึ่งความผูกพัน ในวันวาน..ที่หวาน..ปนขม
มักมีความสวยงาม..ซ่อนอยู่..เสมอ
และ..สิ่งที่สวยงาม..สิ่งนั้น
คือ..ความผูกพัน..ที่ยากจะ..ลบเลือน
ได้ในเร็ว..วัน..ของ..หัวใจ

คนบางคน..แพ้ให้กับ วัน และ..เวลา
แต่กับอีกคน..ก็ยังคง..เหมือนเดิม..ทุกอย่าง
คนบางคน..ตัดบัว..ไม่..เหลือใย
และ เริ่มต้นใหม่ กับใครก็ได้..เสมอ
แต่กับอีกคน..ใจที่ไม่อาจ..เปลี่ยนรัก
ในรักที่มีการ..เปลี่ยนแปลง
ยังจำคำรัก..ทุกถ้อยคำ..ตลอดเวลา
คนบางคน..เมื่อตอนจะไป..ทำตัวเหมือน..ทะเลทราย
เติมรักเท่าไร..เติมใจแค่ไหน..ก็จืดจาง
แต่กับอีกคน..ก็ยังพยายาม เพราะ..รักหมดใจ

และ..เมื่อทุกอย่างมาถึง..ลิมิตของหัวใจ
เพราะ..เกินรั้งไว้ อีกคนก็ต้อง..ทำใจ
เพราะ..สุดปลายคว้า ก็คง..ปล่อยมือ..จริงๆ

เหตุผล..ของคนๆหนึ่ง..ที่จากเราไปนั้น..ไม่สำคัญ
หากแต่ ความทรงจำที่เขาทิ้ง..เอาไว้นั้น
มีค่าพอไหมที่..จะ..หวนคืน

++++++++++++++++++++++++++++++++++





ความรัก ความฝัน กับ ความจริง ในบางครั้งก็เป็นเหมือนดั่งเส้นขนานด้วยตัวของมันเอง ยากยิ่งนักที่จะทำให้ทั้งสามสิ่งมารวมกันในที่ๆเดียวกันของหัวใจ เพราะท้ายที่สุดก็ต้อง ถูกความจริงทำลายลงสักวันด้วย..ตัวของมันเองความรักก็อาจจะมา ..ในวันที่ผิด และ ในเวลา..ที่ไม่ใช่
ความฝันอาจจะ..ทำให้สุขใจที่มีมัน แต่อาจจะกลายเป็นความปวดร้าว..ในความจริง
และความจริงก็ไม่อาจจะ..อยู่ร่วมกับ ความรัก ความฝัน ที่ไม่มีทาง..เป็นจริง
ซึ่งม่านหมอก รัตติกาล คือความเหงา ความอ้างว้าง เดียวดาย รอคอย เติมเต็มในความรัก ของใครหลายๆคน ที่ไม่สามารถก่อเกิดภาพและมีตัวตน ในโลกแห่ง..ความเป็นจริงได้

ในยามค่ำคืน ที่มีม่านหมอกบางๆ แต่แฝงไปด้วยความอ้างว้าง อย่างหาที่สุด มองไม่เห็นทางข้างหน้ามีเพียงแค่ แสงสลัวๆในความหนาวเย็น มีเพียงเงาแห่งความมืดมิดของรัตติกาลเป็นเพื่อนเคียงใจ

ม่านหมอก มองดูแล้วเหมือน อ้างว้าง เงียบเหงา และ สวยงาม มีทั้งสองมุมในความรู้สึกเดียวกัน
อาจจะเป็นที่ความรัก ไม่สามารถเลือกเกิดกับหัวใจได้ ในเวลาดั่งที่ใจ..ต้องการ
ซึ่งในบางครั้งเจ้าของหัวใจก็พอจะรู้ว่า คำตอบที่ปลายทางจะจบลง..เช่นไร
แต่เมื่อความรัก อยู่เหนือเหตุและผล ก็ยินยอมพร้อมใจที่จะ เจ็บปวดอยู่อย่างนั้น ด้วยความ..เต็มใจ
ความจริง เป็นอย่างไร...ไม่รู้จัก
ต้องเรียกหา ความรัก...สักกี่หน
เดินบนทาง ว่างเปล่า...เหงาเกินทน
ทุกข์เหลือล้น ทรมาน...นานเพียงเท่าไร
แม้รู้สึก อ้างว้าง...ในบางครั้ง
แม้จะเดินอยู่ คนเดียว...เปลี่ยวใจเหงา
แม้จะอยู่เดียวดาย..เกินทุเลา
แม้สุดท้ายสิ้นสุด..เขา
เหลือแค่เรา เพียง..ผู้เดียว
ซึ่งในหัวใจรัก กลับรู้สึก อบอุ่นอย่าง..ประหลาด
ทั้งๆที่อยู่คนเดียว ท่ามกลาง ความเดียวดาย หมอกที่หนาว และ ราตรีกาลที่..มืดมิด
คงมีเพียงแค่แสงเล็กๆ เพียงสิ่งเดียวที่ให้พอจะให้เห็นหนทาง..ข้างหน้า
แม้จะไม่ค่อยอบอุ่น แต่แสงจากตะเกียงในความรักที่ไม่มีทางเป็นจริง นั้น คือความอบอุ่นเดียว
ความหวังเดียว ที่ยังพอมีตัวตนและ..จับต้องได้
ซึ่งตะเกียงเอง ก็คงมองเห็นค่าความรัก ในม่านหมอก รัตติกาล เช่นกัน

ไม่ว่าจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร อย่าปล่อยตะเกียงทิ้งไว้โดยด็ดขาด จงนำมันติดตัวไป..ตลอดเวลา
ติดไปจนกว่าหน้าที่ของตะเกียง จะหมดลงจนรุ่งสาง และเป็นหน้าที่ของแสงแห่งดวงอาทิตย์..ในความจริง

แต่เมื่อยามใด ที่ถึงเวลาของ ม่านหมอก รัตติกาล มาเยือน เจ้าตะเกียงแห่งความฝันจะกลับมาร่าเริงอีกครั้ง และทำหน้าที่ของมัน อย่างเต็มใจกับความรักที่มันมี อย่างสมบูรณ์ จนสุดปลายทาง...ในความฝัน
?เรื่องที่เศร้าที่สุดของความรัก ไม่ใช่เขาไม่รักเรา หากแต่เราและเขาไม่สามารถ..รักกันได้?


++++++++++++++++



21/9/55

"30 ประโยคดีๆของคำว่ารัก"




 1. ถ้าแผ่น VCD คือ ความรัก คงจะไม่มีเทคโนโลยีใดๆบนโลกที่จะ อ่านมันได้เข้าใจที่สุด

2. ความรักจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ถ้าเอามาเป็นตัวแทนของคำโกหก

3. ความรักเป็นบ่อเกิดของความเกลียด แต่จงจำไว้ ถ้าไม่มีเกลียด ก็จะไม่มีรัก

4. ถ้าสเตอริโอ เป็นความรักของคนคนหนึ่งที่มีให้คุณ จงจำไว้ว่า ถ้าตราบใดที่ คุณ ยังไม่เปิด Volume คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าจริงๆแล้วเขารักคุณหรือไม่

5. ทุกครั้งที่คุณด่าคนที่แอบรักคุณว่า "โง่" คุณรู้ไหมว่า คุณ โง่ กว่าเขา 10 เท่า

6. 99.99% ของผู้หญิงบนโลก ที่จะไม่รักผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย ให้เธอ

7. 99.99% ของผู้ชายบนโลก รักผู้หญิงที่ภาพรวม ไม่ใช่ความรู้สึก และนิสัย หรือรูปร่างเพียงอย่างเดียว

8. โชคชะตา กัน พรหมลิขิต เป็นแค่สองสิ่งที่มารวมกัน เพื่อให้คนสองคนได้เจอกันเท่านั้น

9. "คนรักกัน" ก็เหมือนไม้บรรทัด ที่ ทั้งสองด้านมี เรา และ เขายืนอยู่ ถ้าไม่ลองเดินเข้าหากัน มันก็เป็นแค่ "คนที่เห็นหน้ากัน" เท่านั้น

10. ถ้าความรักเปรียบได้ดั่งไม้บรรทัด ที่ทั้งสองด้านมี เราและ เขายืนอยู่ จงเดินเข้าหากันในระยะที่เท่ากัน อย่าทำให้ความสมดุลของความรัก ต้องหักลง

11. ในช่วงเวลาที่คุณยืนอยู่คนละด้านของไม้บรรทัดแห่งความรัก.. จงตะโกนใส่เขาเสียบ้าง ให้เขาได้รู้ว่าคุณยังอยู่ตรงนี้ อยู่บนไม้บรรทัดแห่งความรักของกันและกัน

12. ในห้องนอนห้องหนึ่ง ถ้าคุณผู้ชายบอกเหล่าคุณผู้หญิงว่า "รักแล้วให้ไม่ได้หรอ?" จงจำไว้ว่า มัน "อาจ" จะเป็นการให้ความรักของเขา กลับคืนสู่เขาตลอดไปก็ได้

13. หัดเชื่อในลมปากของคำโกหกที่เบาๆ ดีกว่าต้องมาเจอการกระทำที่ร้ายแรง

14. ชีวิตที่ยังมีความหวัง ก็เปรียบได้กับ กลีบ ดอกไม้ ที่ยังล่องลอยอยู่ในอากาศได้ เพราะสายลมที่ชื่อว่า "รัก"

15. ทุกครั้งที่ผู้หญิงคนหนึ่งเสียความบริสุทธิ์ ให้แก่ผู้ชาย จงจำไว้ว่า ได้เกิดการสูญเสียของสิ่งที่ชื่อว่า "ความไม่ไว้วางใจ" ไปแล้ว และ "ความไว้วางใจ" ได้เข้ามาแทนที่ในหัวใจของผู้หญิงคนนั้นแล้ว

16. และถ้าเมื่อไหร่ ที่ความ "ไว้วางใจ" นั้นถูกหักหลังลงอย่างร้ายกาจ... สิ่งสุดท้ายที่จะเข้ามาแทนที่ คือ "ความเสียใจอย่างสุดจะหามิได้" นั่นเอง

17. คนที่คุณรัก อาจไม่ใช่คนที่รักคุณมากที่สุดบนโลกใบนี้

18. ในช่วงเวลา 1 วินาทีที่คุณคิดจะนอกใจ... เท่ากับคุณกำลังจะให้คนที่รักคุณคนหนึ่งต้องเสียใจไป 1 ปี

19. ความรักไม่มีนิยามที่ตายตัว ตั้งแต่วันแรกที่มันกำเนิดขึ้นมาบนโลกแล้ว

20. ถ้าใครที่บอกว่า มันผู้นั้นคือผู้ที่เข้าใจในความรักมากที่สุด คนผู้นั้น ไม่เคยเข้าใจในอะไรเลย

21. ความรักไม่มีนิยาม แต่มีความหมาย หลากร้อยหลายพัน Species ถ้าใครบอกคุณว่า เขามีความรักเท่า ดวงดาวบนท้องฟ้า ที่ให้คุณ น่ะ.. มันไมได้รวมถึง ดาวหาง กับ ดวงอาทิตย์ ที่จะเก็บไว้ให้คนอื่น ด้วย (แถมใหญ่กว่า ตั้งหลายเท่า )

22. จงเชื่อในความรัก ก่อนที่จะ เชื่อในเหตุผล

23. การอกหักคือประสบการณ์แห่งชีวิต

24. การอกหัก 1 ครั้งดีกว่า การต้องเก็บซ่อนความรักไว้ในใจ ถึง 1 แสนสองหมื่น 4 พัน เท่า

25. คนที่มีความรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีคู่ครอง แต่ทุกคน มีความรัก ได้เหมือนกัน

26. ค่ายเพลงแห่งความรักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยคือ Bakery Music

27. จุดอ่อนที่สุดของผู้หญิงในเรื่องความรักคือ "คิดมาก"

28. จุดอ่อนที่สุดของผู้ชายในเรื่องความรักคือ "การพยายามใช้โทรจิตบอกเหตุผล แทนคำพูด"

29. ผู้หญิงไม่ได้มาจากดาวศุกร์ และผู้ชายไม่ได้มาจากดาวอังคาร เพราะความรักของมนุษย์ เกิดขึ้นบนโลก

30. สุดท้าย ความรักสำหรับผม ไม่ใช่สิ่งที่สวยงามหรือไม่สวยงาม ไม่ใช่ สิ่งที่ดี หรือไม่ดี ไม่ใช่ ดอกไม้ ไม่ใช่ภูเขา ไม่ใช่ท้องฟ้า ไม่ใช่ สายลม และพายุ ไม่ใช่ ใครสักคน ไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่ซีดี ไม่ใช่คำพูด หรือ การกระทำ ไม่ใช่ ชีวิต ไม่ใช่ สิ่งของ และไม่ใช่โลกใบนี้..แต่มันเป็น เพียง

'ความรู้สึก.. สำหรับ คนที่คุณรัก..เท่านั้น..'

30 ประโยคดีๆของคำว่ารัก ^^



9/9/55

"ภาษารักทั้ง 9 แบบ"

คู่รักจำนวนไม่น้อยเลยที่สร้างความรักขึ้นมาด้วยใจ สานสัมพันธ์สายใยกันด้วยชีวิต แต่กลับทำลายด้วยภาษา(ภาษาในที่นี้หมายถึงคำพูด การกระทำ การแสดงออก)อันไม่เข้าท่าและไม่ควร จนเกิดความเสียหายที่ไม่ปราถนาตามมามากมาย ภาษารักจึงเป็นระบบการสื่อสัมพันธ์ของคนทั้งสองให้ตรงตามจริงและตามวัตถุ ประสงค์มุ่งหวัง เป็นภาษาที่ต้องรู้ เข้าใจ ฝึกให้ดี ใช้ให้เป็นและบริหารให้เกิดประโยชน์
1. ภาษาใจ เป็นการส่งรับด้วยจิตนิ่งเป็นหนึ่ง เมื่อจิตว่าง การรับรู้จะชัดเจน แจ่มใส และแม่นยำ การส่งการรับภาษาใจนี้จะก่อให้เกิดความเข้าใจ และความประทับใจในความสัมพันธ์กันมากซึ่งเป็นความจำเป็นพื้นฐานของคนสองคน ที่จะเป็นคู่ชีวิตใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
2. ภาษาสายตา เป็นภาษาที่ลึกซึ้งและเที่ยงตรงที่สุดเพราะหลอกกันไม่ได้ วิธีการส่งภาษาใจออกมาเป็นภาษาตานั้น เพียงแผ่ความรู้สึกลึกๆในใจออกมา ความรู้สึกนั้นก็จะฉายออกมาทางแววตา แววตาของมนุษย์สามารถบอกสิ่งต่างๆมากมาย จนกล่าวว่า "ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ"
3. ภาษายิ้ม ยิ้มเป็นสิ่งที่บ่งบอกและแสดงความเป็นไปของผู้ยิ้ม การกำหนดยิ้ม เกิดจากสภาวะทั้งภายใน ภายนอก และจากอุปนิสัย โดยแบ่งเป็น 3 แบบของยิ้ม คือ ยิ้มแบบมีความสุข ยิ้มแบบเหนื่อยๆ และยิ้มแบบขอไปที การยิ้มมีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นเราจึงควรฝึกยิ้มให้มีเสน่ห์ และมีความสุข ดังนี้
1)ยิ้มจากใจ 2)ยิ้มหมด 3)ยิ้มเปล่งประกาย
4)ยิ้มให้พอดี 5)ยิ้มให้ปรากฎ 6)ยิ้มให้ถูกกาละเทศะ
7)ยิ้มให้ถูกวัตถุประสงค์ 8)ยิ้มอย่างทรงพลัง 9)ยิ้มทั้งตา
4. ภาษาวาจา คำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจะมีพลังอยู่ในตัว และซึมซาบเข้าสู่ผู้ฟัง สามารถใช้สร้างสรรค์หรือทำลายก็ได้ พลังแห่งคำพูดมี 2 องค์ประกอบ คือ พลังแห่งเสียงและพลังแห่งความหมาย ดังนั้นจึงต้องกลั่นกรองวาจาก่อนเจรจาใดๆ ทุกครั้งที่พูดให้ใคร่ครวญในสิ่งที่พูดว่าเป็นจริงหรือเปล่าเพื่อก่อให้เกิด ความเข้าใจตรงกัน ความเข้าใจที่ถูกต้องจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงเท่านั้น การพูดเท็จจึงเป็นการสร้างความเข้าใจผิด และเป็นการทำลายระบบสัจจะ ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งนี้อย่าคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายได้เอง ภาษาวาจามีอานุภาพมาก มีทั้งประโยชน์และโทษถ้าไม่ระมัดระวังคำพูด ดังนั้นทุกครั้งที่พูดควรกลั่นกรองคำพูด เพื่อจรรโลงใจยังความรักให้งอกงามสถาพร
5. ภาษาท่าทาง ท่าทางอันจรรโลงรักให้ภาคภูมิ งดงาม และยังความมั่นใจในสัมพันธภาพ คือ
1)บุคคลิกอันงามสง่า
2)กิริยาที่สำรวม
3)อิริยาบถอันสมดุล
4)ท่วงท่าอันมั่นคง
5)ท่าทีจริงจังที่ปล่อยวาง
จึงจะได้ความมั่นคงอันอบอุ่น และความสบายใจอันเป็นรากฐานแห่งความสุข
6. ภาษาสัมผัส เป็นอีกระบบภาษาหนึ่งที่คู่รักชอบใช้กัน เช่นการโอบกอด ภาษาสัมผัสเป็นการถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนพลังระหว่างบุคคล การสัมผัสควรพิถีพิถันบรรจง อ่อนโยน ทะนุถนอม นุ่มนวลและหนักแน่นเป็นการเกื้อกูลกันให้เกิดพลังมาก สมานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
7. ภาษาพฤติกรรม รักแท้ที่จริงมิใช่คำพูด แต่ต้องฉายออกมาจริงทุกระดับทั้งใจ แววตา ยิ้ม วาจา ท่าทาง สัมผัส และพฤติกรรม ดังนั้นภาษาพฤติกรรมจึงเป็นภาษารักแห่งยั่งยืน
8. ภาษาสัมพันธ์ คือการจัดสมดุลให้แก่ชีวิตคู่ให้สัมพันธภาพคงอยู่เสมออย่างบริสุทธิ์ใจ มั่นคง ลงตัว เข้ากันได้อย่างดี ให้คู่รักทั้งสองร่วมกันพัฒนายิ่งๆขึ้น จนกว่าสัมพันธภาพนั้นนิรันดร
9. ภาษาแห่งความสงบ ในบรรดาภาษาทั้งหลาย ภาษาแห่งความสงบเป็นภาษาที่ทรงอานุภาพสูงสุด เมื่อใดที่เข้าถึงความสงบได้ ความสุขจึงปรากฎ ความเข้าใจเที่ยงตรงตามจริงจึงแจ่มชัด ความตั้งใจเชิงสร้างสรรค์จึงพรั่งพรู จรรยามารยาทอันงดงามจึงส่องแสง ความอ่อนโยนจึงยังความอบอุ่นให้บังเกิดสัมผัสจึงทราบซึ้ง สัมพันธภาพจึงมั่นคง ดังนั้นภาษาแห่งความสงบจึงเป็นที่สุดแห่งภาษารักทั้งมวล
ดังนี้เองการสื่อภาษารักใดๆนั้นจะทรงพลัง มีค่าความเที่ยงตรง ความละเอียดอ่อน และความลึกซึ้ง ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตและระดับจิตใจของแต่ละคน ต่อไปนี้ขอทุกท่านที่พึงประสงค์มีรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จงหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่สื่อภาษาอย่างประเสริฐ ล้ำค่าและทรงพลัง ก็จะนำมาซึ่งความถูกต้องตรงตามเจตนาบนฐานของความจริงใจ สามารถสานสัมพันธ์กันได้ดียิ่งขึ้น และรักกันตราบนานเท่านาน ยั่งยืนสถาพร


By: น้องมดดำ

7/9/55

"ความรัก เหมือนนาฬิกา"

ใครที่ใส่นาฬิกาบ่อย ๆ จนติด
คงจะรู้สึกได้ . . . ในวันที่นาฬิกาหายไปจากข้อมือ
ฉันเอง . . . ก็เป็นคนที่ผูกนาฬิกามาตลอด . . .
หากวันไหนลืมจะรู้สึกว่า . . . บางอย่างมันหายไป
มันว่าง ๆ และขัดเขินทุกครั้ง . . . ที่ยกข้อมือที่ว่างเปล่าขึ้นมาดู



เมื่อราวสองปีก่อน . . . ที่นาฬิกาเรือนโปรดของฉันพัง
ด้วยความไม่มีสติ . . . ฉันเอาข้อมือไปทุบผนังห้องน้ำเล่น ๆ
โชคร้าย . . . ที่มือไม่เป็นอะไร นาฬิกาต่างหากที่พินาศ .. กระจกร้าว



ฉันถอดมันออกวางไว้ . . . ไม่ยอมเอาไปซ่อม
ด้วยว่า . . . รู้สึกถึงภาพเก่า และวันเวลาที่เก็บอยู่ในนั้น
ฉัน . . . เลิกใส่นาฬิกา และพบว่า ตัวเองมีอาการยกข้อมือเก้อ
เก้ออ . . . อยู่เป็นเวลานานพอดู



ความเคยชินของคนเรา เกิดขึ้น . . .
เมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นประจำ . . . ในระยะเวลานานพอควร
และยังคงความเคยชินอยู่
เมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งนั้นหายไปในระยะแรก ๆ



จนเวลาผ่านไปนาน . . .
ฉันจึงเริ่มชิน . . . กับการแอบมองเข็มนาฬิกาบนข้อมือคนอื่น
เวลาผ่านไป พร้อมกับบาดแผลที่เริ่มเลือนหาย
ฉันคิดโง่ ๆ ว่า . . . ภาพเหล่านั้นจะตายไปพร้อมนาฬิกา แต่มันไม่ใช่



ฉันตัดสินใจซ่อมนาฬิกา
เมื่อมันกลับมาวันแรก ๆ ฉันรู้สึกไม่คุ้น
จนถึงตอนนี้ . . . ก็ยังไม่คุ้น
ฉันยังแอบมอง . . . นาฬิกาบนข้อมือคนอื่น อยู่เหมือนเดิม
ฉันรู้สึกเขินแกมขำทุกครั้ง . . . ที่แอบมองข้อมือคนอื่น
ทั้ง ๆ ที่มีนาฬิกาอยู่บนข้อมือของตัวเอง



ฉันนึกถึงใครบางคน . . . ที่มักจะปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มเสมอ ๆ
ในบางช่วง ที่เขาหายหน้าหายเสียงไป . . .
ฉันรู้สึกขาด ๆ แต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ
ในบางครั้ง . . . ฉันพอใจที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ
ในวันที่ไม่แข็งแรง . . .



แต่ . . . ในบางครั้งฉันกลับรู้สึกพอใจ
กับการได้เดินคนเดียว . . . เดี่ยวเดี่ยวในวันว่าง
หรือเป็นความผูกพัน หรือเป็นเพียงความเคยชิน
หัวใจฉัน . . . ยังตอบคำถามได้ไม่กระจ่างชัดนัก



คนเราจะรู้ค่าก็ต่อเมื่อ . . . สูญเสียสิ่งนั้นไป
ฉันมักได้ยินใคร ๆ พูด
แต่ . . . ฉันกลับคิดว่า หากฉันยังมองไม่เห็น
ฉันน่าจะยอมเสียไปดีกว่า . . . เพื่อให้ซึ้งถึงคุณค่านั้น
ฉัน . . . ไม่อยากเอาเปรียบเขา
หากจะรั้งเขาไว้ด้วยความคุ้นเคย ที่ไม่ใช่ความผูกพัน
ฉัน . . . ไม่อยากโกหกตัวเอง
หากจะรั้งเขาไว้ . . . ด้วยความไม่แน่ชัด

ฉันมีคำถาม . . . ที่ยังขบไม่แตกกับคำว่า . . .
ผูกพัน หรือว่าจะเป็นแค่คุ้นเคย
บางที . . . มันอาจจะเป็นการดี
หากฉันจะอยู่ห่าง ๆ หรือตัดขาด
เพื่อให้รู้จัก . . . หัวใจของตัวเองมากขึ้น
กับใครบางคน . . . ที่ขาดหายไปจากชีวิต
อาจเป็นเหมือน . . . นาฬิกาที่ขาดสาย
อาจรู้สึกแปลบ ๆ และมองหากับการหายไปในช่วงแรก
แต่ไม่นาน . . . คงจะชิน





ขอบคุณข้อมูลจาก Forward Mail

31/8/55

"ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิม"

ก็รัก...รักเธออย่างที่สุด
ก็รู้...รู้ดีว่าเธอไม่กลับมา
แต่ฉัน ก็ยังทำใจไม่ได้เลย
กลับการต้องสูญเสียเธอไปอย่างนี้
เธอรู้มั้ยฉันคิดถึงเธอเหลือเกินเธอรู้มั้ย

ฉันร้องเรียกหาเธอทุกวี่วันเธอรู้มั้ย

ฉันอยากกอดเธอให้เหมือนอย่างวันที่แล้วมา 

อยากจะร้องไห้เลยอ่ะ 

บทความเศร้าๆจากเรื่องจริงของชีวิตคนคนนุง

วันนี้ฉันมีโอกาสไป ยืนมองภาพของความวุ่นวาย ยามไร้แสงแห่งดวงอาทิตย์ที่
สะพานพุทธ ภาพยามไร้แสงแห่งดวงอาทิตย์ในวันนี้ก็เหมือนในทุกๆคืนที่ฉันได้มอง
แต่ในวันนี้มัน พิเศษจากคืนวันอื่นๆตรงที่
คนที่ยืนอยู่ข้างๆฉันนั้นทำให้ฉันได้รู้สึก
ถึงความแตกต่างที่พิเศษอันนั้น


อะไรจากตัวเธอที่ทำให้ฉันได้รับรู้ถึงความพิเศษนั้นได้...ฉันเฝ้าถามตัวเองทุกครั้งที่เรา
ได้พบกัน ความรู้สึกพิเศษเหล่านี้มันเกิดมาจากไหนและเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
เธอก็เป็น
แค่คนธรรดา ๆ คนหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน..
แต่ทำไมเธอคนนี้ถึงทำให้
ฉันรู้สึกอะไรได้มากมายเพียงนี้ ฉันรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นเธอเศร้า
ฉันรู้สึกดีใจเมื่อเห็นเธอยิ้ม
และหัวเราะ
ฉันจะยินดีมากที่ได้ยินเสียงเพลงที่ร้องออกมาแต่ไม่ค่อยจะเพราะเท่าไหร่เสียงนั้น..

น้ำเสียงท่าทีที่เธอแสดงออก
ในวันนี้ดูเหมือนมีความสุขแต่ในใจดวงนั้นฉันไม่อาจล่วงรู้ได้
ว่าเธอคิดอะไร ดีใจ เสียใจ
หรือเฝ้ารอใครคนนั้นของเธอ..ให้เค้ากลับมา..รักเธออีกครั้ง..

เธอยืนอยู่บนสะพาน และพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก..ฉันมองและอดคิดไม่ได้ว่า
ริมฝีปากเธอ
ช่างน่าที่จะ สัมผัสเหลือเกิน แต่ฉันก็ไม่สามารถทำได้ ฉันมองดูความวุ่นวายไปรอบๆ
และแล้วสายตา
ฉันก็ต้องมาจบลงที่เธอคนนี้อีกครั้ง หัวใจฉันอยากโอบกอดเธอเหลือเกิน ที่รัก..
คำๆนี้มันออกมาจากหัวใจฉัน
เพื่อร้องเรียกเธอ...แต่ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ข้างๆเธอเพื่ออะไร ฉันทำอะไรไม่ได้เลย
ฉันไม่อาจสัมผันถึงหัวใจเธอได้เลยหรือ ฉันยืนคิด
เธอยืนพ่นควันและเธอกับเพื่อนก็ร้องเพลง..
ฉันยืนอยู่บนสะพานเดียวกับเธอ..แต่ดูเหมือนเราห่างกันเหลือเกิน..ที่รัก..เธอรู้สึกเหมือนฉันบ้างหรือเปล่า..ให้ฉันได้รู้ถึงข้างในใจของเธอบ้างสักครั้ง
..คนดี..อย่าให้ฉันได้เป็นแค่คนที่ยืนมองเธออยู่ข้างๆเธอนะคนดี..ขอฉันเป็นคนในหัวใจเธอจะได้ไหม..ฉันเฝ้าหวังเช่นนั้น

ฉันหวังว่า หัวใจดวงเล็กๆของฉันที่ดูเหมือนไม่มีความหมายสำหรับเค้า
คงจะเติมเต็มหัวใจของเธอได้ในสักวัน...แต่ความจริง..ฉันไม่สามารถเติมเต็มหัวใจนั้นได้เลย
เธอไม่เปิดโอกาสให้ฉันหรือว่า ฉันไม่ดีพอ... มันคงเป็นคำถามในใจฉันเสมอ..

แม้วันนี้หัวใจของฉันจะดูเหมือนว่างเปล่า..แต่มันยังคงเฝ้ารอให้ใครสักคน
คนนั้นหันกลับมามองและเดืมสิ่งที่ขาดหายไปนั้นให้เต็มสักวัน...

แม้วันนี้เราจะห่างกันด้วยช่องว่างอะไรก็ตาม..ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ช่องว่างนั้นหายไป

แม้วันนี้เธอจะไม่รักฉันแต่ฉันเชื่อในความรัก..ที่สวยงาม..ฉันจะรักเธอต่อไป..

ขอแค่เวลาที่เหลือของเรามีความสุขดีก็พอ....

สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรามันคืออะไรกันแน่...จริงแท้หรือเป็นเพียงการหลอกลวง....
หรือว่าไม่มีอะไรอยู่เลยต่างหาก...มีเพียงแค่เราคนเดียว....แค่คนเดียวเท่านั้น...
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาจากการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว...มันเกิดขึ้นมานาน
เราเองก็ได้แต่หลอกตัวเองตลอดว่าไม่เป็นไร...ไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย...ดูสิมีเพื่อนตั้งเยอะ....
แต่สุดท้าย...ความรูสึกนั้นก็ไม่หายไปซักที...มีแต่สั่งสมขึ้นเรื่อยๆ....
ความเหงาที่มีมานั้นรุนแรงจนกระทั่งนานเข้ามันก็เป็นแค่ความเฉยชา...
เฉยจนไม่ต้องการใคร...ไม่ไว้ใจใคร...ไม่รักใคร...ไม่ต้องการให้ใครเห็นความรู้สึกเจ็บปวดของตัวเอง...
แสดงออกไปให้ทุกคนเห็นว่าร่าเริง...มีความสุขดี...
แต่นั่นมันก็แค่หน้ากากที่ต้องสวมตลอดเวลา...เพื่อปิดกั้นตัวเอง...
เคยลองเปิดใจ...ยอมรับคนๆหนึ่งเข้ามา...แต่แล้ว...ทุกอย่างก็จบลง...
สิ่งที่เหลือก็คือคำว่า... “ปล่อยเราไปเถอะ...ถ้ายังรักเราอยู่ก็ปล่อยเราไป”....
ตอนนั้น...จิตใจมันบอบช้ำสับสนทั้งคำว่า...รัก...เกลียด...แค้น...
สับสนซะจนคิดจะจบทุกอย่างลงด้วยการตาย....
แต่แล้ว...ก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า...ถ้าตายแล้ว...พ่อกับแม่ล่ะ...เค้าจะเสียใจแค่ไหน...
เพราะประโยคนั้นเลยทำให้มีชีวิตจนถึงตอนนี้...
ความเจ็บปวด...ความเหงา...เวลาก็ได้เข้ามาเยียวยาจนคลายลง...แต่มันก็ยังไม่หมดไป...
ซักวัน...ความรู้สึกเหล่านั้นอาจจะกลับมาก็ได้...
แต่ก็ช่างมัน...ขอแค่เวลาที่เหลือของเรามีความสุขดีก็พอ....

หนักหนากว่าความตาย....คือ การที่กลายเป็นคนที่ถูกลืม..  

more than bored : Sad,
more than sad : Unhappy,
more than unhappy : Ill,
more than ill : Abandoned,
more than abandoned : Alone in the world,
more than alone in the world : In exile,
more than in exile : Dead,
more than dead : Forgotten.

......

......


หนักหนากว่าความเบื่อ คือเศร้า ,
หนัหนากว่าความเศร้า คือชีวิตไร้สุข,
หนักหนากว่าชีวิตที่ไร้สุข คือป่วยไข้,
หนักหนากว่าความป่วยไข้ คือการถูกทอดทิ้ง,
หนักหนากว่าถูกทอดทิ้ง คืออยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวบนโลกใบนี้,
หนักหนากว่าการอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวบนโลกใบนี้ คือ พลัดพราก,
หนักหนากว่าความพลัดพราก คือตาย,
...หนักหนากว่าความตาย คือถูกลืม

ใช่แล้ว ...
นี่แหละ forgotten อันแสนเศร้าน่าใจหาย
เราอยากเป็นที่จดจำของใครบางคนอันเป็นที่รัก
แต่ใครเล่าจะทำสำเร็จทุกครั้งได้

อยากเป็นที่จดจำ
จึงเอาใจคนอื่นมากไป
เราต้องสูญเสียตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย

หากตามใจตัวเองมากไป
เราอาจไม่เหลือใคร
แม้แต่คนใจร้ายที่จะมาตำหนิติด่า

ยอมตายดีกว่าถูกลืม --
เก๋และเฉียบขาดไม่ใช่เล่น
หากใครทำและเป็นเช่นนั้นได้

แต่เราจะเอาชีวิตไปผูกติดกับคนอื่นขนาดนั้น
ได้อย่างไร
คงไม่เพียงเราเองที่อึดอัดคับข้องใจ

คนที่ต้องแบกความเป็นตายของเราไว้
ก็คงอยากฆ่าตัวตายวันละหลายหน

สำคัญแค่ไหนว่า
เราจะต้องเป็นที่จดจำของใครหรือเปล่า
บางที ชีวิตก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเรา มากล้น

นอกจาก
ขอเพียงเราจดจำใครบางคนไว้ ... ตลอดไป --
เท่านั้น

ดอกไม้กับผีเสื้อ

...จะมีประโยชน์ใด...
.
...หากเธอรักผีเสื้อ...
แต่เกลียดตัวหนอน
...หากเธออยากเห็นผีเสื้อ...
แต่ไม่ปลูกดอกไม้
.
...หากเธอปลูกดอกไม้...
แต่ไม่พรวนดินเอาใจใส่
.
...หากเธอเอาใจใส่...
แต่เพียงในจินตนาการ
.
เมื่อเป็นเช่นนั้น...
.
ผีเสื้อที่เธอรัก...
ก็จะโบยบินแต่ในความฝัน
และต่อให้เธอเอื้อมมือไขว่คว้า
ก็ไม่อาจได้มาเชยชม...


18/8/55

"บทลาของการเริ่มต้น"

แจกันน้อยเดินทางมาจากดินแดนหนึ่งที่มีความรักลึกซึ้งล้ำค่า
แต่ทว่ามิอาจมอบรักแด่ดอกไม้ดอกใดได้
ทำไมนะหรือ ก็เพราะมันเจอดอกไม้ที่สวยสดงดงาม
หากทว่ามันยังไม่เจอดอกไม้แห่งรักที่แท้จริง
วันนี้หัวใจเหนื่อยนักยิ่งไขว่คว้ายิ่งไกลยิ่งห่าง
ความเป็นจริงที่โหดร้าย ได้กัดกร่อนก้อนเนื้อเท่ากำมือที่เรียกว่า "หัวใจ" จนบอบช้ำ
ในทางกลับกันมันทำให้หัวใจนี้เข้มแข็งขึ้น
ขอบคุณวันเวลาที่นำพาเธอมาให้พบ
ละครบทนี้เดินเรื่องด้วยความเหงา เศร้า รอยยิ้ม คราบน้ำตา
สุดท้ายตัวเอกของเรื่องคือ "ความว่างเปล่า"
จะมีใครสักกี่คน ที่จะต้องการรู้ตอนจบจริงๆของเรื่องราวที่อยู่ในความทรงจำ
และไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ
เพราะในชีวิตจริงนั้น........
มีอยู่หลายเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ตอนจบ
แม้ว่าจะไม่อยากรับรู้ก็ตาม
ฉันเดินทางมาไกล ไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ ณ จุดเดิม
ในความรู้สึกลึกๆ ข้างใน
ความรู้สึกนั้นยังคงงดงามเสมอ
ถ้าทำได้อยากหยุดทุกอย่างไว้ ณ ตรงนี้
ตรงที่ความรู้สึกดีๆ ยังคงมีอยู่
หยุดพักปล่อยวางทุกอย่างไว้ข้างหลัง
จากนั้นก้อนเนื้อที่เรียกว่า "หัวใจ" นี้แหละจะพาสองเท้านี้ก้าวไป
ทุกอย่างจบลงแล้ว วันพรุ่งนี้เป็นของเรา
...................................................
มิตรภาพมั่นคง ยืนนาน ต้องผ่านบทเรียน คืน วัน
และความผันแปรทั้งหลาย
ณ วันหน้าผากยับย่น เส้นผมกลายเป็นสีเทา
ถนอมมิตรภาพแสนงามไว้ในดวงใจ


" Wallpaper "
































17/8/55

"10 พฤติกรรมของการนอกใจ"

1. เวลาชวนไปไหนมาไหน จะชวนไปทำธุระด้วย หรือจะไปดูหนัง ฟังเพลง เริ่มมีคำพูดประเภท ไม่ว่าง, ติดธุระ ฯลฯ บ่อยขึ้น

2. เจอหน้ากันทีไร เริ่มมีอาการแสดงท่าทีเฉย ๆ บ่อย หรือไม่ก็ดูจะหงุดหงิดไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณ

3. โทร.ไปหาทีไร ไม่ค่อยติด เอ...อ้างโทรศัพท์แบตฯหมดบ๊อย...บ่อย หรือไม่กว่าจะรับโทรศัพท์นานเกินเหตุ และที่เป็นลางบอกเหตุก็คือ คำถามคำแรกจากปลายสายก็คือ...โทร.มาทำไม หรือ มีอะไรรึเปล่า...

4. ร้างลาการชักชวนไปไหนด้วยกันเกินกว่า 2 อาทิตย์ โดยที่...ไม่ได้ป่วย หรือติดธุระสำคัญ

5. เริ่มมีคำพูดประเภทก้าวร้าว ไม่ให้เกียรติ หรือไม่ก็พาดพิงแง่ลบไปถึงครอบครัว

6. จู่ ๆ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงภาพภายนอก แต่งสวย แต่งหล่อ ดูแลตัวเองเกินเหตุ เกินปกติที่เคยเป็นหรือเคยไปด้วยกันโดยไม่มีการพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงมาก่อน เช่น อยากตัดผมทรงใหม่ หรืออยากเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว เป็นต้น

  7. ในภาวะที่อยากได้กำลังใจ หรือมีภาวะที่เป็นข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้น แทนที่จะมีคำปลอบใจ ให้กำลังใจ หรือเป็นที่ปรึกษา กลับมีแต่คำพูดที่ซ้ำเติม
8. ผิดสัญญาบ่อยครั้ง

9. ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วว่าคำว่า...ขอโทษสะกดอย่างไร

10. เมื่อเขาหรือเธอมีคำพูดหลุดออกมาว่า...เธอดีเกินไป
จาก ข้อ 1 - 10 มีข้อแม้ว่าต้องเกิดขึ้นบ่อยมาก ถึงบ่อยที่สุด ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง อย่าเพิ่งไปเหมาหรือไปมองในแง่ลบเสียทีเดียว เพราะชีวิตคู่จะมีความสุขได้อย่างน้อยคุณก็ต้องเชื่อใจกัน และให้อภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้เสมอ



ที่มา : fwm

22/7/55

"ความรักทางไกล เราจะติดต่อเขาอย่างไรดี ให้เหมือนเดิม"

ความรักระยะไกล เชื่อมต่อถึงกันได้
ใช้การคุยผ่านกล้อง เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต โลกไร้พรมแดน ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนของโลก ถ้ามีคอมพิวเตอร์ พร้อมอินเทอร์เน็ต ก็สามารถเห็นหน้ากันได้
โทรศัพท์ เป็นการติดต่อแบบง่ายที่สุด แม้จะไม่เห็นหน้า แต่อย่างน้อยก็ยังได้ยินเสียง ได้คุย ได้ทะเลาะ ได้แลกเปลี่ยนความคิดถึง ซึ่งกันและกัน
เดินทางไปหา ไม่ใช่เอาแต่คุยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือได้ยินแต่เสียงจากโทรศัพท์ อย่างน้อย คุณต้องเดินทางไปหากันและกัน ปีละครั้ง สองครั้งก็ยังดี เพราะถ้าไม่เดินทางไปหากันเลย ยากค่ะ ที่ความรู้สึก จะเหมือนเดิม เมื่อครั้งยังอยู่ใกล้กัน
เชื่อใจกัน ไม่มีอุปสรรคอะไร มาทำลายได้ ถ้าเราเชื่อใจกันและกัน
พูดง่าย แต่ทำยากใช่ไหมคะ
เอาเป็นว่า ถ้าเค้าต้องไปจริงๆ แต่คุณไปไม่ได้ ให้คุณคอยคิดถึง ข้อดีของการไปของเค้า เพื่ออนาคตของเค้า หรือเพื่ออนาคตของเราทั้งคู่ คุณควรให้เค้าไปค่ะ อย่างรั้งเค้าไว้ เพราะบางที การทำแบบนี้ อาจจะทำให้เค้ารำคาญ หรือว่าไม่อยากไป จะทำให้เค้าเสียโอกาศ จริงไหมคะ คนรักที่ดี ต้องสนับสนุนคู่รัก นะคะ
อยากไปด้วยจังเลย
ถ้าคุณไม่ติดขัดอะไร ไปได้ ก็ควรจะไปด้วย เช่น ถ้าเค้าต้องย้ายไปทำงานนานหลายปี ถ้าคุณพอจะย้ายงานตามไปด้วยได้ ก็ควรจะทำนะคะ
ความรักระยะไกล น่ากลัวจริงเหรอ
ก็น่ากลัวค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว เวลาที่เราไม่อยู่ ไม่ได้พูดคุยกัน ไม่ได้เห็นหน้า เค้าจะเป็นอย่างไร
เหมือนข้อสุดท้ายที่บอกไว้ยังไงหล่ะคะ ความเชื่อใจกัน สำคัญที่สุดค่ะ แต่อย่าลืม ดูแลตัวเองให้ดี อย่ามัวแต่คิดถึงเค้า จนไม่เป็นอันทำอะไรนะคะ ^-^

18/7/55

" ข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับความรัก "

- A man overtime falls in love with the woman he is attracted to, and a woman overtime becomes more attracted to the man she loves.

          ผู้ชายมักจะตกหลุมรักคนที่เค้าหลงเสน่ห์ และผู้หญิงจะหลงเสน่ห์คนที่เธอตกหลุมรัก

          - Friendship is love minus sex and plus reason. Love is friendship plus sex and minus reason.

          มิตรภาพคือ ความรัก ลบด้วย เซ็กซ์ และบวกเอาเหตุผลเพิ่มเข้าไป ส่วนรักคือมิตรภาพบวกด้วยเซ็กซ์ และลบเอาเหตุผลออก

          - To love is nothing. To be loved is something. To love and be loved is everything!!

          การได้รักเป็นเรื่องขี้ผง การถูกรักเป็น “บางอย่าง” ทีเดียว ส่วนการได้รักและการถูกรักเป็นทุกอย่าง (ว้าว)
          - You may only be one person to the world but you may also be the world to one person.

          คุณอาจจะเป็นแค่ “คน ๆ หนึ่ง” ในโลกใบนี้ แต่คุณอาจจะเป็น “โลกทั้งใบ” ของคนคนหนึ่งก็ได้

          - Friendship often ends in love, but love in friendship never.

          มิตรภาพมักจะจบลงด้วยความรัก แต่ความรักไม่มีวันจบลงด้วยมิตรภาพ

          - You know when you love someone when you want them to be happy even if their happiness means that you’re not part of it.

          คุณรู้ว่า คุณรักเค้าก็ต่อเมื่อคุณต้องการให้เค้ามีความสุข แม้ว่าความสุขนั้นจะหมายความถึงการที่คุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน

          - Love looks not with the eyes, but with the mind.

          ความรักนั้น เห็นไม่ได้ด้วยตา แต่ด้วยใจ

          - Love is like standing in the wet cement. The longer you stay, the harder it is to leave. And you can never go without leaving your shoes behind.

          ความรักก็เหมือนซีเมนต์เปียกๆ ยิ่งคุณอยู่นานเท่าไหร่ก็ยิ่งติดหนึบ จากไปไม่ได้เท่านั้น และคุณจะไม่มีวันจากมาได้เลย โดยที่ไม่ได้ทิ้งรองเท้าไว้ข้างหลัง
          - Don’t marry a person you can live with, marry somebody you can’t live without.

          จงอย่าแต่งงานกับคนที่คุณ “อยู่ด้วยได้” จงแต่งงานกับคนที่คุณ “ขาดไม่ได้”

          - Don’t rely on the past to create the future, rely on the future to erase the past.


          อย่าวางใจใช้อดีตเป็นตัวสร้างอนาคต แต่จงใช้อนาคตเป็นตัวลบอดีตทิ้งไป

          - Love will die if held too tightly; love will fly if held too lightly.

          รักจะเฉาตายถ้ายึดไว้แน่นเกินไป และรักจะโบยบินไปถ้ายึดไว้หย่อนเกินไป

          - If you love someone tell them, don’t wait or else you will lose the chance.

          ถ้าคุณรักใคร บอกเค้าซะ อย่ารีรออยู่เลย ไม่งั้นคุณจะเสียโอกาสนะ

          - It only takes a second to say “I love you”, but it will take a lifetime to show you how much.

          ใช้เวลาแค่เพียงชั่ววินาทีในการบอกว่า “ฉันรักเธอ” แต่ใช้เวลาตลอดชีวิตในการแสดงให้เห็นว่า รักมากเพียงไร


          - Love, is like water, we take it for granted. Thus, when it is gone, it becomes crucial.

          ความรักก็เหมือนน้ำ เรามักจะเห็นมันเป็นของตาย ต่อเมื่อ มันหมดไปแล้ว นั่นละ … มันจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น

          - True love is like ghosts, which everyone talks about but few have seen.

          รักแท้ก็เหมือนกับปีศาจ ทุกคนพูดถึง แต่มีคนน้อยมากที่ได้เห็นว่าเป็นอย่างไร
          - The essential sadness is to go through life without loving. But it would be almost equally sad to leave this world without ever telling those you loved that you love them.

          ความเศร้าที่สำคัญคือการชีวิตโดยปราศจากความรัก แต่มันคงจะเศร้าเกือบจะพอๆ กันที่จะจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้บอกคนที่คุณรักว่า “คุณรักพวกเค้า”
          - A man falls in love through his eyes, a woman through her ears.

          ผู้ชายตกหลุมรักทางตา แต่ผู้หญิงน่ะ ตกหลุมรักทางหู

          - The way to love anything is to realize that it might be lost.

          หนทางที่จะรักสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็คือ การตระหนักสิ่งนั้นๆ อาจจะสูญหายได้

          - The perfect marriage begins when each partner believes they got better than they deserve.

          การแต่งงานที่สมบูรณ์แบบเริ่มขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างคิดว่า พวกเค้าได้รับสิ่งที่ดีเกินกว่าที่ตัวเองสมควรได้รับ

          - When a young man complains that a young woman has no heart, it is pretty sure that she has his.

          เวลาที่หนุ่มน้อยโอดครวญว่า สาวน้อยนางนั้นไม่มีหัวใจ ค่อนข้างแน่ใจได้เลยว่าสาวน้อยนั้นน่ะ … มีหัวใจของหนุ่มคนนั้นอยู่ในกำมือ
          - Kindness in words creates confidence, kindness in thinking creates profoundness, kindness in giving creates love.

          วาจาที่กรุณาจะสร้างความเชื่อมั่น จิตใจที่กรุณาจะสร้างความลึกซึ้งของจิตใจ และการให้ที่กรุณาจะก่อให้เกิดรัก

          - To love is to risk not being loved in return. To hope is to risk pain. To try is to risk failure, but risk must be taken, because the greatest hazard in life is to risk nothing.

          การที่ได้รักคือการเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับความรักเป็นการตอบแทน การตั้งความหวังคือการเสี่ยงกับความเจ็บปวด การพยายามคือการเสี่ยงกับความล้มเหลว แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดในชีวิตก็คือ การไม่เสี่ยงอะไรเลย

          - When loving someone…never regret what you do…only regret what you didn’t do.

          เวลารักใคร … อย่าเสียใจในสิ่งที่คุณได้กระทำ จงเสียใจในสิ่งที่คุณไม่ได้กระทำ

          - Gravity cannot be held responsible for people falling in love.

          เวลาคนตกหลุมรักน่ะ … โทษแรงโน้มถ่วงไม่ได้ จริงมั้ยล่ะ (ต้องโทษคนขุดหลุม)
          - There is a story of a woman who always kept her feelings towards her friend until the day he got married, she decided to tell him the truth and he felt that it’s a good joke for his wedding

          มีเรื่องเล่าของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอรักเพื่อนของเธอแต่ได้เพียงเก็บความรู้สึกเอาไว้ จนกระทั่งวันที่เขาแต่งงาน เธอก็ตัดสินใจบอกความจริงกับเขา…แต่เขากลับคิดว่าเป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับ วันแต่งงานของเขา…
          - There is a story of a man Who has never told his wife how much he loves her Until the day she passed away Until now, he keeps sending flowers to her grave everyday With thousand kisses on the card saying “I love you” Would she be able to know?


          และยังมีเรื่องเล่าของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไม่เคยบอกภรรยาว่าเขารักเธอมากแค่ไหน จนกระทั่งเธอตายจากไป ถึงบัดนี้ เขายังคงวางดอกไม้ไว้ที่หลุมศพของเธอทุกวัน พร้อมกับรอยจูบนับพันบนการ์ดที่เขียนว่า “ผมรักคุณ” …เธอจะมีโอกาสได้รับรู้ไหม…
          - Yet, there is a story of a girl who always needed a warm hug from her daddy But she was too shy to ask for until the day he can never hug her any more…

          และยังมีเรื่องเล่าของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ซึ่งต้องการอ้อมกอดอันอบอุ่นจากพ่อของเธอเสมอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะเอ่ยปากออกไป…จนกระทั่งวันที่พ่อไม่สามารถกอดเธอได้ อีกต่อไป…

          - A lot of stories happen everyday you could know what had happened yesterday. How can you be sure what will happen tomorrow? Think of something you never say Are you waiting until the day? To say “I LOVE YOU”

          ทุกๆ วันเกิดเรื่องต่างๆขึ้นมากมาย คุณอาจจะรู้ว่า เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพรุ่งนี้ ลองคิดถึงบางสิ่งที่คุณไม่เคยพูด จะต้องรอให้ถึงวันไหน ที่จะบอกคำว่า “รัก”