Wallpaper

7/10/55

"ปล่อย (ใยไหม)"


 หากการเดินทางของความรักมีเพียง 2 ทางให้เลือกเดิน คือเดินไปให้ถึงปลายทาง และเดินถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้น เราจะเลือกเดินทางไหน เป็นใครก็ต้องอยากไปให้ถึงปลายทางแห่งความสุข แต่เราต้องยอมรับความจริงของชีวิตว่า...สุดท้ายแล้ว ตรงปลายทางย่อมมีคนที่พบกับความสุขสมหวัง และมีคนที่เศร้าเสียใจกับความรักเป็นธรรมดา

          มีคนกล่าวว่า...ความรักไม่ใช่เกม ความรักคือความรัก คือเรื่องบริสุทธิ์ของคนสองคน

          แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อใดที่เรามีความรัก เราก็เหมือนหลงเข้าไปเล่นเกมโดยไม่รู้ตัว เพราะนี่คือกลไกทางธรรมชาติที่ใครก็ปฎิเสธไม่ได้ หากพิสูจน์ใจเขาด้วยบททดสอบอะไรบางอย่าง นั่นคือเกมหนึ่งที่เรากำลังเป็นฝ่ายเดินเกม และเป็นฝ่ายนำแต้ม แต่หากวันใดวันหนึ่งเกิดแพ้ใจเขาขึ้นมา เราไม่รู้หรอกว่ากำลังจะเสียแต้มให้เขา อาจจะเสียแต้มเพราะความดี ความเอาใจใส่ และความรักที่เขาหยิบยื่นให้

          อย่างไรเสีย ความรักก็คือเกมอยู่วันยังค่ำ วันใดวันหนึ่งหากเขาเกิดอยากล้มกระดานเกมความรักขึ้นมา และเดินจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ถามว่าเสียใจไหม แน่นอน..เป็นใครก็ต้องเสียใจ เสียเวลา และเสียความรู้สึก จนเกิดคำถามมากมายตามมา

         "ทำไมเขาถึงต้องทำกับเราอย่างนี้"
          "ทำไมเขาถึงต้องเดินจากไปทั้ง ๆ ที่เรารักเขามาก"
          "ทำไมเขาถึงรักตัวเองได้มากมายขนาดนี้"


          และคำถามเหล่านี้ก็มีคำตอบรอเราอยู่แล้ว "เพราะเกมความรักของเราเริ่มไม่สนุกสำหรับเขายังไงล่ะ"

          เราอาจเป็นฝ่ายเดินนำเกมมากเกินไป จนทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นฝ่ายตามอยู่ตลอเวลา เขาอาจเบื่อหน่ายความรักที่กลายเป็นสิ่งเดิม ๆ จนอยากโละทิ้ง และอยากเข้าไปเล่นเกมใหม่ ๆ กับใครคนใหม่ เราต้องยอมรับความจริงว่า มนุษย์ย่อมมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ มีทั้งเบื่อ มีทั้งอยาก และถ้าหากเรายอมรับความจริงข้อนี้ได้ เราก็จะรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเราเลย แม้แต่นิดเดียว

          เขาเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความมั่นคงทางจิตใจมากพอ เขาเป็นเพียงเด็กที่อยากเล่นเกมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเขาก็เป็นเพียงคนที่เราควรปล่อยให้ไปเล่นเกมใหม่ได้เลยทันที ที่เขาอยากจะไป

          คนทุกคนมักทำอะไรอย่างมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล หากเขาเดินจากไปอย่างไม่มีเหตุผล ก็ไม่ได้หมายความว่าเราน่าเบื่อเกินไปสำหรับเขา หรือเขาเลวเกินไปสำหรับเรา คนสองคนไม่ได้เกิดมาเผื่อเป็นคู่กันต่างหาก ต่อให้ทุ่มเทความรักให้เขามากมายเพียงใด คนสองคนก็ไม่ใช่คู่กันอยู่ดี

         และหากเขาเดินจากไปอย่างมีเหตุผล นั่นอาจเป็นเพราะเขาต้องทำเพื่ออะไรสักอย่าง ไม่ใช่อะไรเพื่อเรา ก็คงเป็นเพื่อตัวเขา เหตุผลมันมีได้หลายร้อยพันประการ แต่ "เขาไม่รัก" ก็น่าจะเป็นผลเหตุเดียว ที่ครอบคลุมความหมายทั้งหมดของคำว่า "เดินจากไป" และคนที่ต้องมีความหนักแน่น ในการยอมรับเหตุผลนั้นมากที่สุดก็คือตัวเราเอง

          อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า คนเรามีทางเลือกให้เลือกเดินอยู่ 2 ทาง ถ้าไม่เดินไปให้ถึงปลายทาง ก็ต้องเดินหันกลับไปยังจุดเริ่มต้น หากรักครั้งนี้เป็นเขาที่เลือกหันหลังเดินจากไป และเราก็มี 2 ทางให้เลือกเดินเช่นเดียวกันคือ กันหลังกลับไปหาเขา แม้ว่าเราทำได้ แต่เราจะเจ็บปวดมากที่สุด ทุกข์ทรมานใจมากที่สุด

         หรืออีกทางหนึ่งก็คือ เดินหน้าต่อไปเพียงลำพัง แม้จะเจ็บปวด แต่เชื่อแน่ว่าความเจ็บปวดนั้น จะฝังกายฝังใจไว้ที่เราเพียงไม่นาน เพราะความเข้มแข็งจะค่อย ๆ สะสมตัว เพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน แล้วในที่สุดเราก็จะเอาชนะความเจ็บปวด และเอาชนะใจตัวเองได้ 

          จำไว้เลยว่า เมื่อเขามีสิทธิ์เลือกทางเดินของชีวิต เราก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของชีวิตได้เช่นเดียวกัน ในเมื่อเขาไม่ยอมรับทางเดินที่จะใช้ร่วมกันกับเรา ก็ปล่อยให้เขาไปตามทางของเขาเถอะ ปล่อยคนไม่รักดีให้เดินจากไป ดีกว่าปล่อยให้ใจเราเดินหลงทาง และหาทางออกไม่เจอ




อากาศเย็นกำลังดี และ ลมก็พัดไม่ค่อยแรงเท่าไร แต่ถึงกระนั้นเอง ดอกปีบก็ยังคงล่วงหล่นไม่หยุดหย่อน

ฉันเดินผ่านลมเย็น พื้นหญ้าสีเขียว ปลายของมันอมความชื้นน้อยๆ เป็นเม็ดน้ำเล็กๆ ในร่มเงาไหวของต้นปีบ ลมพัดหนึ่งที

เงาของกิ่งไม้ก็เคลื่อนที่ไปมา น่ารักเหมือนเด็กส่ายหัว แต่ นั่นไม่ใช่เพราะว่ามันงงงวย แต่อาจเพราะรับฟังสุ้มเสียงเรียงร้องจากธรรมชาติจนรู้สึกบันเทิงใจ

ผิวน้ำตีลอนกระเซ้าแซะตามชายฝั่งดัง จ๋อมแจ๋ม แมกไม้เบียดสีข้างกันไปมาดังเอียดอาด ใบไม้น้อยใหญ่ ใบเรียวยาวหรือเป็นเม็ดละเอียดยิบ 

พรมเสียงดังซี ๆ เหมือนเด็กทารกระดมปรมมือโดยพร้อมเพรียง

เสียงของธรรมชาติสะอาด และกลิ่นดอกปีบก็หอมชื่นใจ ฉันเลยเก็บไว้หลายดอก ร้อยรัดมัดไว้เป็นช่อ กลิ่นที่หอมจางก็พลันชัดขึ้น 

ฉันเดินถือช่อดอกปีบไปตามทาง กลิ่นของมันก็ยังหอมไม่หยุดหย่อน

บางครั้งก็พักนอนไปกับเปลือกไม้ มันดูแห้งแล้งเพราะมันไม่มีความสดภายในแล้ว มันเป็นเปลือกไม้แห้ง ที่มีเพียงความชื่นห่มไว้รอบด้าน 

ใช้มือจับเบาๆเนื้อก็เปือยติดนิ้วมา เมื่อโดนแดดเผานานเข้าก็เริ่มแตกแยกจากกัน ชื้นมากไปก็เปือยป่น แห้งร้อนเกินไปก็แตกระแหง

ช่อดอกปีบก็เริ่มช้ำแล้วเหมือนกัน กลิ่นของมันแม้จะหอม แต่กลีบของมันก็ช้ำเหลือเกิน ฉันไม่น่าจับมันมัดไว้รวมกันเลย มันคงอึดอัดเต็มที

ฉันคิดดังนั้นจึงแก้มัดเจ้าดอกปีบออกจากกัน เดินไปตามทางเดินสีเขียวชื้น และวางดอกปีบทีละดอก ที่ละดอกตามพื้น ตามหิน ตามกิ่งไม้

ดอกปีบหอมกระจายไปทั่ว แม้มันจะหอมเพียงจางเบา แต่มันก็สามารถส่งความหอมไปได้ไกลเท่าที่ลมจะพัดพาไป

จริงหรือไม่ว่า ความหอมมิใช่จำเป็นต้องหอมให้มากมาย แต่ความหอมที่ขจรไกลแสนไกล ยังเป็นสิ่งที่ควรเดินทางไปเรื่อย ๆ

เพื่อให้ใครหลายคนได้ชื่นใจ  เพื่อไปทำหน้าที่อันเบาบาง  รวมรัดไว้แน่นเกินไปอาจเจ็บช้ำ และความหอมก็ไปไม่ถึงไหน

ดอกปีบถูกวางไว้ทีละดอก ความหอมค่อยๆ จางลงที่ละน้อย

ฉันเดินผ่านไปในความเขียวชื้น และ หอมเจือจาง

ใครจะรู้ได้เล่า ว่า หอมดอกไม้และสายลมอาจเป็นคนรักกัน : )


ไม่มีความคิดเห็น: